10 Workflow Management Software ยกระดับองค์กรสู่ยุคดิจิทัล
การยกระดับการทำงานยุคดิจิทัลนี้ต้องขับเคลื่อนธุรกิจไปควบคู่กับเทคโนโลยี เพื่อให้ธุรกิจสามารถปรับตัวให้เป็นไปในทิศทางที่เหมาะสมต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและความเร็วในการเคลื่อนไหวของตลาด การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการทำงานช่วยให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดการงานและกระบวนการภายในองค์กร (Workflow Management Software)
Workflow Management Software เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการจัดการและควบคุมกระบวนการทำงาน (workflow) ภายในองค์กรหรือธุรกิจ เพื่อให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อน และเพิ่มความเรียบง่ายในการดำเนินงานได้มากขึ้น ซอฟต์แวร์ประเภทนี้มักจะมีคุณสมบัติต่าง ๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถออกแบบและจัดการกระบวนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมต้องใช้ Workflow Management Software?
การใช้ Workflow Management Software เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการและปรับปรุงกระบวนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบมากขึ้น โดยทำให้สามารถลดความซับซ้อนและความผิดพลาดในการดำเนินงาน ประสานงานระหว่างทีมและแผนกในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การใช้ Workflow Management Software ช่วยให้องค์กรสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน ลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น และเพิ่มความสามารถในการปฏิบัติตามข้อกำหนดและมาตรฐานที่ต้องปฏิบัติ เช่น ISO หรือ GMP ทำให้องค์กรสามารถเติบโตและเชื่อมโยงกับท้องถิ่นธุรกิจได้อย่างยั่งยืนในสภาวะการแข่งขันทางธุรกิจที่เข้มงวดในปัจจุบัน วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ 10 Workflow Management Software ที่ช่วยให้คุณจัดการงานได้ดียิ่งขึ้น ลองไปดูกันเลยว่าเครื่องมือไหนเหมาะกับคุณ
10 Workflow Management Software
1. MANAWORK
MANAWORK เป็นระบบจัดการงานบริหารทีม และยังเป็น Workflow Management Software เจ้าแรกของประเทศไทยที่สร้างขึ้นโดยคนไทยที่ช่วยให้การจัดการงานจำนวนมากของคุณเป็นเรื่องง่าย
คุณสมบัติที่สำคัญของ MANAWORKได้แก่:
- จัดการงานบริหารทีม: ระบบช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการทีมงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงการกำหนดงาน การตรวจสอบความคืบหน้า และการแบ่งหมวดหมู่งานต่าง ๆ
- Workflow Management: ระบบช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างและจัดการกระบวนการทำงาน (workflow) ได้อย่างอัตโนมัติ ทำให้งานที่ซับซ้อนสามารถดำเนินไปได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- Goals/OKRs: ระบบช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถกำหนดเป้าหมายของการทำงานโดยสามารถเชื่อมความสำเร็จหรือการอัปเดตเป้าหมายพร้อมกับงานของคุณได้เลย
- Gantt Chart: มีความสามารถในการสร้าง Gantt Chart ให้อัตโนมัติโดยเชื่อมโยงข้อมูลจากทาสก์งานของคุณ เพื่อให้สะดวกและติดตามงานได้ง่ายกว่าเดิม
- การแจ้งเตือน: มีการแจ้งเตือนผ่านระบบ MANAWORK และการแจ้งเตือนผ่านอีเมลของคุณ และยังสามารถกำหนดการแจ้งเตือนสำหรับงานสำคัญได้อีกด้วยโดยกำหนดได้เลยว่าจะให้แจ้งเตือนใครบ้างในทีม
- การเข้าถึง: สามารถกำหนดการเข้าถึงโปรเจ็กต์ให้กับสมาชิกในทีมได้โดยสามารถกำหนดได้แบบละเอียดเลยว่าต้องการให้เห็นหรือไม่ให้เห็นส่วนไหนบ้าง เพื่อป้องกันการสับสนหรือข้อมูลบางอย่างที่ไม่ต้องการเปิดเผย
MANAWORK เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการใช้เครื่องมือจัดการงานที่ใช้งานง่าย เพราะเราออกแบบมาเพื่อให้ง่ายต่อคนทำงาน และยังสามารถปรับรูปแบบการจัดการงานให้เหมาะกับแผนงานของคุณได้ เพียงติดต่อทีมงานของเรา เราจะช่วยออกแบบ Workflow การทำงานให้กับคุณ สามารถติดต่อได้ที่ 063 535-1193 หรือ 063 535 1196
2. Trello
Trello เป็นโปรแกรมจัดการงานที่ใช้บอร์ดแบบออนไลน์ในการจัดเรียงงานและโปรเจกต์ต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบ มันช่วยในการจัดการงานที่ซับซ้อนได้ดีโดยการให้ผู้ใช้สามารถสร้างรายการงานหรือการแจ้งเตือนได้ในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ การจัดกลุ่มงานเป็นลำดับความสำคัญ การกำหนดกำหนดส่งงาน การแบ่งส่วนงานให้กับทีมหรือผู้ใช้ที่เกี่ยวข้อง และการแจ้งเตือนเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในงาน
คุณสมบัติที่สำคัญของ Trello ได้แก่:
- บอร์ดแบบใช้งานง่าย: มีอินเตอร์เฟซที่ใช้ง่ายและกราฟิกที่สมจริง ทำให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการงานได้อย่างสะดวก
- ระบบบอร์ด: ใช้หน้ากระดานเป็นพื้นที่ทำงานหลัก ซึ่งผู้ใช้สามารถสร้างบอร์ดตามโปรเจกต์หรืองานต่าง ๆ ที่ต้องการจัดการ
- การจัดระเบียบ: สามารถจัดระเบียบงานเป็นรายการหรือการแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ ได้ เช่น กำลังดำเนินการ กำหนดส่ง หรือเสร็จสิ้น เป็นต้น
- การสร้างการแจ้งเตือน: ใช้การแจ้งเตือนแบบออนไลน์หรืออีเมลเพื่อแจ้งเตือนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในงาน
- การสร้างรายการงาน: สามารถสร้างรายการงาน และกำหนดความสำคัญ วันที่กำหนดส่ง หรือข้อความเพิ่มเติมได้
- การส่งและแบ่งส่วนงาน: สามารถส่งงานหรือแบ่งงานให้กับผู้ใช้ทีมอื่น ๆ ได้ และติดตามสถานะการดำเนินงาน
- การแนบไฟล์: สามารถแนบไฟล์หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับงานใน Trello ได้เพื่อความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
Trello เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในรูปแบบบุคคล หรือการทำงานเป็นทีมที่ต้องการวิธีการจัดการงานแบบออนไลน์และอัปเดตข้อมูลงานอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่ต้องพบกันเป็นกลุ่มที่ต่างกันโดยตรง
3. Asana
Asana เป็นเครื่องมือจัดการงานออนไลน์ที่ช่วยให้ทีมทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในโครงการหรือโปรเจ็กต์ที่มีความซับซ้อน ซึ่งมีคุณสมบัติและความสามารถหลากหลายที่ช่วยให้การจัดการงานเป็นไปอย่างเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับ Trello ที่คุณถามมาก่อนหน้านี้ แต่มีลักษณะเด่นและคุณสมบัติเฉพาะของตัวเองด้วย ดังนี้:
- โครงสร้างงานที่หลากหลาย: Asana มีโครงสร้างงานที่หลากหลาย เช่น โปรเจ็กต์ งานย่อย งาน ซึ่งช่วยให้สามารถจัดการโครงการที่มีขอบเขตและระยะเวลาต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม
- การจัดการงานแบบคล่องตัว: Asana มีคุณสมบัติที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถกำหนดวันกำหนด ลำดับความสำคัญ และสถานะของงานได้ ซึ่งช่วยให้ทราบถึงความก้าวหน้าของงานแต่ละรายการได้อย่างชัดเจน
- การสื่อสารภายในทีม: สามารถแชร์ความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนข้อมูลในงานโปรเจ็กต์ใน Asana ได้ ซึ่งช่วยให้ทีมทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
- การแจ้งเตือน: Asana มีคุณสมบัติที่ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับการแจ้งเตือนผ่านทางอีเมล หรือในแอปพลิเคชัน ทำให้ไม่พลาดข้อมูลหรือการปรับปรุงในงาน
- การแนบไฟล์: สามารถแนบไฟล์หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องในงานได้โดยง่าย เพื่อความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูล
- การตรวจสอบงาน: สามารถตรวจสอบสถานะการดำเนินงานและความก้าวหน้าของงานได้โดยอัตโนมัติ ทำให้การติดตามงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
Asana เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในรูปแบบบุคคล หรือการทำงานเป็นทีมที่ต้องการจัดการงานและโปรเจกต์ที่มีความซับซ้อนอย่างมีประสิทธิภาพ และมีความสามารถในการปรับแต่งและปรับเปลี่ยนตามความต้องการของทีมในแต่ละช่วงเวลา
4. Airtable
Airtable เป็นเครื่องมือจัดการฐานข้อมูลออนไลน์ที่มีความสามารถหลากหลายและใช้งานได้หลากหลายที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้างฐานข้อมูลแบบคำสั่งได้ง่ายๆ เหมือนการใช้งานสเปรดชีต แต่มีความสามารถเพิ่มเติมที่มากกว่านั้น เช่น การสร้างฟอร์ม เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างตาราง การสร้างสูตร เป็นต้น
คุณสมบัติที่สำคัญของ Airtable ได้แก่:
- ฐานข้อมูลแบบคำสั่ง: Airtable ให้คุณสร้างและจัดการฐานข้อมูลแบบคำสั่งได้อย่างเรียบง่าย ทำให้งานเชิงข้อมูลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- การสร้างแบบฟอร์ม: คุณสามารถสร้างแบบฟอร์มเพื่อเก็บข้อมูลจากผู้ใช้ได้โดยตรง ทำให้งานเกี่ยวกับข้อมูลที่เข้ามาอย่างง่ายดายและเรียบง่าย
- การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างตาราง: Airtable ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างตารางในฐานข้อมูลได้อย่างง่ายดาย เพื่อความสะดวกและการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
- การใช้สูตร: คุณสามารถใช้สูตรเพื่อคำนวณข้อมูลหรือสร้างการแสดงผลข้อมูลที่สรุปได้อย่างง่ายดายและเข้าใจง่าย
- การแชร์และการทำงานร่วมกัน: Airtable ช่วยให้คุณสามารถแชร์ฐานข้อมูลของคุณกับผู้อื่นและทำงานร่วมกันในเวลาเดียวกันได้
- การปรับแต่งและการทำงานเป็นทีม: คุณสามารถปรับแต่งและกำหนดความสามารถของผู้ใช้ในการเข้าถึงข้อมูลและการทำงานในฐานข้อมูลของคุณได้อย่างยืดหยุ่น
Airtable เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในรูปแบบบุคคล หรือการทำงานเป็นทีมที่ต้องการจัดการฐานข้อมูลและข้อมูลต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ
5. Hive
Hive เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้าง Workflow ระหว่าง Hive และแอปพลิเคชันอื่น ๆ ที่ใช้งานทั่วไปได้ โดยโปรแกรมนี้เป็นเครื่องมือที่ใช้งานได้ง่าย
คุณสมบัติที่สำคัญของ Hive ได้แก่:
- การสร้าง Workflow: ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง Workflow สำหรับการใช้ในรูปแบบเดิมได้โดยไม่ต้องสร้างซ้ำ ทำให้เพิ่มเวลาการทำงานและลดการผิดพลาดในการสร้าง Workflow ใหม่อีกรอบ
- การปรับปรุงกระบวนการ: ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับปรุงกระบวนการต่าง ๆ ในงานของตนได้อย่างง่ายดาย โดยใช้โครงสร้างของ Workflow ที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของผู้ใช้
- ความยืดหยุ่นในการใช้งาน: ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่ง Workflow ตามความต้องการขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Hive เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการปรับกระบวนการทำงานหรือ Workflow ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและตอบโจทย์การทำงานของทีมในรูปแบบที่ง่ายให้ทีมทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น
6. Wrike
Wrike เป็นเครื่องมือที่เน้นการจัดการโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้การ์ดที่สร้างสรรค์เพื่อกำหนดแผนและจัดลำดับความสำคัญของงาน ทำให้คุณสามารถมองเห็นเป้าหมายของโครงการอย่างชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือพิสูจน์อักษรและการอนุมัติงานร่วมกัน เพื่อช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบและอนุมัติเอกสารดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นคุณสามารถดำเนินการโครงการของคุณได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สามารถปรับปรุงและปรับใช้ได้อย่างยืดหยุ่นตามความต้องการของทีม
คุณสมบัติสำคัญของ Wrike ได้แก่:
- การจัดการโปรเจกต์แบบออนไลน์: Wrike ให้คุณสร้างโปรเจกต์และงานออนไลน์ได้โดยใช้บอร์ดและลิสต์เพื่อจัดการงานแต่ละอย่างอย่างเป็นระเบียบ
- การจัดทำแผนงานและตารางเวลา: คุณสามารถสร้างแผนงานและตารางเวลาใน Wrike เพื่อวางแผนการทำงานและกำหนดส่งงาน
- การแจ้งเตือนและการแจ้งเตือน: Wrike มีระบบการแจ้งเตือนและการแจ้งเตือนที่ช่วยให้คุณไม่พลาดข้อความหรือการเปลี่ยนแปลงในงาน
- การสร้างงานแบบสร้างสูตร: คุณสามารถสร้างงานที่มีการเก็บข้อมูลและสรุปข้อมูลอัตโนมัติโดยใช้สูตรเพื่อคำนวณข้อมูล
- การทำงานร่วมกันและการสื่อสาร: Wrike ช่วยให้ทีมทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยมีองค์ประกอบที่ช่วยให้สามารถแชร์ข้อมูล ส่งข้อความ และใช้งานได้อย่างง่ายดาย
- การจัดการทรัพยากร: Wrike ช่วยให้คุณสามารถจัดการทรัพยากรและการจัดสรรงบประมาณในโปรเจกต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การสร้างรายงาน: คุณสามารถสร้างรายงานเกี่ยวกับความก้าวหน้าและสถานะของโปรเจกต์ได้ เพื่อให้การบริหารโปรเจกต์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
Wrike เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการจัดการโปรเจกต์และงานที่มีความซับซ้อน และเหมาะสำหรับทีมที่ต้องการการจัดการและการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
7. nTask
nTask เป็นเครื่องมือจัดการงานออนไลน์ที่ช่วยให้ทีมหรือบุคคลทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณสมบัติและเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการโปรเจกต์ งาน กำหนดส่งงาน และการสื่อสารภายในทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณสมบัติสำคัญของ nTask ได้แก่:
- การจัดการโปรเจกต์และงาน: nTask ช่วยให้คุณสามารถสร้างโปรเจกต์และงานใหม่ได้อย่างง่ายดาย และจัดการด้วยรายละเอียดที่ชัดเจน เพื่อความเรียบร้อยและประสิทธิภาพในการทำงาน
- กำหนดเวลาส่งและการแจ้งเตือน: คุณสามารถกำหนดเวลาส่งให้กับงานแต่ละรายการและรับการแจ้งเตือนผ่านทางอีเมลหรือแอปพลิเคชันเพื่อไม่พลาดกำหนดส่ง
- การแบ่งส่วนงานและการสร้างงานย่อย: คุณสามารถแบ่งส่วนงานและสร้างงานย่อยเพื่อช่วยให้งานมีโครงสร้างที่ชัดเจนและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การสร้างรายงาน: nTask มีความสามารถในการสร้างรายงานเกี่ยวกับความก้าวหน้าและสถานะของงาน เพื่อช่วยให้ทราบถึงสถานะและความก้าวหน้าของโปรเจกต์ได้อย่างชัดเจน
- การจัดการทีมและการสื่อสาร: คุณสามารถเชิญชวนสมาชิกในทีม และแชร์งานหรือข้อมูลกับสมาชิกในทีมได้อย่างง่ายดาย เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
- การแชร์เอกสารและไฟล์: คุณสามารถแชร์เอกสารและไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับงานโดยตรงใน nTask เพื่อความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูล
- ความสามารถในการปรับแต่ง: nTask มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งตามความต้องการของทีมหรือผู้ใช้ ทำให้สามารถปรับแต่งการใช้งานให้เหมาะสมกับการทำงานของทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
nTask เหมาะสำหรับทีมหรือบุคคลที่ต้องการเครื่องมือจัดการงานที่มีคุณสมบัติที่ครอบคลุมและง่ายต่อการใช้งาน และมีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งตามความต้องการของทีมแต่ละทีม
8. Smartsheet
Smartsheet เป็นเครื่องมือจัดการงานออนไลน์ที่ช่วยให้ทีมหรือบุคคลสามารถวางแผน จัดการ และติดตามโปรเจกต์และงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณสมบัติและเครื่องมือที่ทันสมัยที่ช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและเชื่อมโยงข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณสมบัติสำคัญของ Smartsheet ได้แก่:
- หน้าที่แบบสเปรดชีต: Smartsheet ใช้หน้าที่แบบสเปรดชีตในการจัดการข้อมูล ทำให้ผู้ใช้เชี่ยวชาญในการใช้งาน และสามารถแสดงข้อมูลในรูปแบบที่คุ้นเคย
- การจัดการโปรเจกต์และงาน: คุณสามารถสร้างโปรเจกต์และงานได้ใน Smartsheet และกำหนดเวลาส่ง และรายละเอียดอื่น ๆ เพื่อจัดการงานแต่ละอย่างอย่างเป็นระเบียบ
- การแบ่งส่วนงานและการสร้างงานย่อย: Smartsheet ช่วยให้คุณสามารถแบ่งส่วนงานและสร้างงานย่อยในโปรเจกต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อความชัดเจนและการทำงานที่เรียบง่ายขึ้น
- การแชร์และการทำงานร่วมกัน: คุณสามารถแชร์โปรเจกต์และงานใน Smartsheet กับสมาชิกในทีมและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การสร้างรายงานและการวิเคราะห์: Smartsheet มีความสามารถในการสร้างรายงานและการวิเคราะห์เกี่ยวกับความก้าวหน้าและสถานะของโปรเจกต์ ทำให้ทราบถึงความก้าวหน้าและข้อมูลสำคัญได้อย่างชัดเจน
- การปรับแต่ง: Smartsheet มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งตามความต้องการของทีม ทำให้สามารถปรับการใช้งานให้เหมาะสมกับการทำงานของทีมแต่ละทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Smartsheet เหมาะสำหรับทีมหรือบุคคลที่ต้องการเครื่องมือจัดการงานที่ทันสมัยและมีคุณสมบัติที่ครอบคลุมสำหรับการจัดการโปรเจกต์และงานที่มีความซับซ้อน
9. Process Street
Process Street เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ในการจัดการกระบวนการทางธุรกิจและงานอื่น ๆ โดยเน้นไปที่การสร้างและทำงานกับรายการตรวจสอบ (Checklist) แบบออนไลน์ โดยมุ่งเน้นให้ผู้ใช้สามารถออกแบบ พัฒนา และประยุกต์ใช้กระบวนการทางธุรกิจต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณสมบัติสำคัญของ Process Street ได้แก่:
- สร้างรายการตรวจสอบ (Checklist): สร้างและปรับแต่งรายการตรวจสอบต่าง ๆ เพื่อใช้ในการติดตามขั้นตอนและงานต่าง ๆ ในธุรกิจหรือโปรเจกต์
- ออกแบบและจัดการกระบวนการ: สร้างและจัดการกระบวนการทางธุรกิจต่าง ๆ ในรูปแบบของรายการตรวจสอบ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
- ติดตามความก้าวหน้า: ใช้รายการตรวจสอบในการติดตามความก้าวหน้าของโปรเจกต์หรืองานต่าง ๆ และรายงานผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ
- การระบุลำดับขั้นตอน: ใช้รายการตรวจสอบเพื่อระบุลำดับขั้นตอนในการทำงานและติดตามว่างานได้ดำเนินไปตามแผนหรือไม่
- การแจ้งเตือน: ส่งการแจ้งเตือนและการแจ้งเตือนให้ผู้ใช้หรือสมาชิกในทีม เพื่อสำหรับงานที่ต้องทำ
- การปรับแต่งและการสร้างเทมเพลต: ปรับแต่งและสร้างเทมเพลตของรายการตรวจสอบต่าง ๆ เพื่อใช้ซ้ำในการดำเนินงานหรือโปรเจกต์อื่น ๆ
Process Street เหมาะสำหรับทีมหรือบุคคลที่ต้องการเครื่องมือที่มีคุณสมบัติในการจัดการและติดตามกระบวนการทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในงานที่มีการทำซ้ำของกระบวนการหรืองานบางประเภท
10. Scribe
Scribe เป็นเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาเพื่อบันทึก Workflow เป็นส่วนขยายของเบราว์เซอร์และแอปพลิเคชันเดสก์ท็อปที่ช่วยเปลี่ยนกระบวนการต่าง ๆ เป็นคำแนะนำวิธีใช้งานโดยอัตโนมัติ
คุณสมบัติหลักของ Scribe ได้แก่:
- สร้าง Workflow อัตโนมัติ: สามารถสร้าง Workflow สำหรับการใช้งานได้อัตโนมัติ พร้อมตัวเลือกการแก้ไขและพร้อมใช้งานทันที
- ใช้งานได้กับแอปพลิเคชันเดสก์ท็อปและบนจอภาพหลายจอ
- AI บันทึกการทำงาน: AI ช่วยเปลี่ยนกระบวนการทำงานของคุณเป็นคำแนะนำทีละขั้นตอนที่แสดงในรูปภาพ เพื่อช่วยให้คุณสามารถโฟกัสที่งานที่สำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ข้อมูลละเอียดอ่อน: สามารถจัดการข้อมูลที่เป็นความลับหรือข้อมูลส่วนบุคคลได้ โดยสามารถกำหนดเองได้หรือให้ระบบวิเคราะห์และทำการปิดข้อมูลเหล่านั้นได้ง่ายดาย
Scribe เหมาะสำหรับการทำงานระยะไกลและในออฟฟิศ มีความยืดหยุ่นในการใช้งานที่สอดคล้องกับสถานการณ์การทำงานทั้งสองรูปแบบ และมีการออกแบบให้ใช้งานได้อย่างง่ายดายสำหรับผู้ใช้ทุกคน
สรุป
องค์กรในยุคใหม่ต้องใช้เครื่องมือในการขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้าเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ เพราะหากไม่มีการลงมือหรือลองใช้เครื่องมือ เกิดความกังวลหรือความกลัวว่าองค์กรจะทำงานช้าลงและไม่สามารถปรับตัวตามสถานการณ์ได้ เมื่อเทียบกับคู่แข่งหรือธุรกิจอื่นที่ใช้เครื่องมือในการพัฒนาและปรับปรุงธุรกิจของตนอย่างสม่ำเสมอ การใช้เครื่องมือจะช่วยให้องค์กรเติบโตและประสบความสำเร็จในยุคดิจิทัลได้ในระยะยาว