Outsourcing กับงานที่ไม่คาดคิด: ประเภทงานที่ได้รับความนิยมในปี 2025

Outsourcing กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมขององค์กรยุคใหม่ที่ต้องการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน แต่ทำไมการจ้าง Outsource ถึงตอบโจทย์ธุรกิจได้อย่างลงตัว? และมีงานประเภทใดบ้างที่นิยมจ้าง Outsourcing? ค้นหาคำตอบและข้อดีที่คุณอาจไม่เคยรู้ในบทความนี้! 

Outsourcing คืออะไร ? 

Outsourcing คือการจ้างงานหรือบริการจากบริษัทภายนอกเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะทางขององค์กร เช่น งานด้านไอที การตลาด บัญชี การจัดอีเวนต์ และอื่น ๆ โดยมีการทำสัญญาที่กำหนดระยะเวลา ราคา และคุณภาพของบริการอย่างชัดเจน  

การจ้าง Outsource ช่วยลดค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรในด้านความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและความยืดหยุ่น แม้ว่าตำแหน่งงานนี้จะมีรายได้สูงกว่าปกติ แต่สวัสดิการอาจน้อยกว่า  

การจ้าง Outsource ได้รับความนิยมในองค์กรทุกขนาด เนื่องจากช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของการหาพนักงานที่ตรงตามคุณสมบัติเพื่อมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

การเปลี่ยนแปลงของ Outsourcing: เมื่อความต้องการงานเปลี่ยนไป 

บทบาทของเทคโนโลยีในการเปิดโอกาสให้ Outsourcing 

เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบและขอบเขตของ Outsourcing อย่างชัดเจน บทบาทของเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลได้พลิกโฉมการทำงานและการบริหารจัดการ Outsourcing อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านความหลากหลายของบริการ ความยืดหยุ่นในการทำงาน และการเพิ่มประสิทธิภาพ เทคโนโลยีเปิดโอกาสให้บริษัทสามารถเชื่อมต่อและทำงานร่วมกับทีม Outsource จากทั่วโลกได้แบบเรียลไทม์ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น การประชุมออนไลน์ ซอฟต์แวร์การจัดการโปรเจกต์ และเครื่องมือการสื่อสารที่ทันสมัย  

ทำไมธุรกิจถึงเริ่มมองหางานใหม่ ๆ ที่เหมาะสมกับ Outsourcing 

ธุรกิจเริ่มมองหางานใหม่ ๆ ที่เหมาะสมกับ Outsourcing เพราะความต้องการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน งานบางประเภท เช่น งานที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง หรือที่สามารถดำเนินการจากระยะไกล ได้กลายเป็นเป้าหมายหลักของ Outsourcing เนื่องจากสามารถช่วยลดต้นทุน เพิ่มความยืดหยุ่น และเร่งความเร็วในการทำงาน นอกจากนี้ การจ้าง Outsourcing ยังช่วยให้ธุรกิจมุ่งเน้นไปที่กิจกรรมหลัก (Core Business) โดยไม่ต้องเสียทรัพยากรไปกับงานที่ไม่ใช่จุดแข็งขององค์กร และการบริการลูกค้า ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการที่ซับซ้อนในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

7 ประเภทงานที่ได้รับความนิยมในการ Outsourcing  

1.งานด้าน IT 

 เป็นงานที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบ ซอฟต์แวร์ หรือการดูแลด้านความปลอดภัยของข้อมูลในองค์กร เหมาะกับ Outsourcing เพราะต้องการทักษะและอุปกรณ์เฉพาะ เช่น  

  • การพัฒนาแอปพลิเคชันและซอฟต์แวร์ 
  • การดูแลระบบเครือข่ายและความปลอดภัยไซเบอร์ 
  • การบริหารจัดการระบบคลาวด์ 

2.งานออกแบบและสร้างสรรค์  

งานออกแบบกราฟิกต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และเทคนิคเฉพาะทาง การมอบหมายให้ Outsourcing ผู้เชี่ยวชาญช่วยจึงเป็นทางเลือกที่ดีและคุ้มค่าที่สุด เช่น  

  • การออกแบบงานกราฟิกและ UX/UI 
  • การผลิตวิดีโอและภาพเคลื่อนไหว 
  • การออกแบบผลิตภัณฑ์ 

3.งานด้านการบริการลูกค้า  

การให้บริการตอบคำถามหรือแก้ปัญหาลูกค้าแบบเรียลไทม์ เหมาะกับการจ้าง Outsource เพราะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน เช่น 

  • พนักงาน Call Center  
  • Admin บนช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ 
  • การตอบคำถามและการรีวิวบนแพลตฟอร์มดิจิทัล 

4.งานด้านบัญชี  

งานด้านบัญชีเป็นหนึ่งในงานที่ได้รับความนิยมในการจ้าง Outsourcing เพราะเกี่ยวข้องกับกระบวนการที่ต้องใช้ความแม่นยำ ความเชี่ยวชาญ และอาจจะต้องมีการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยประเภทงานด้านบัญชีที่นิยมจ้าง Outsource เช่น  

  • การบันทึกบัญชีรายรับรายจ่าย 
  • การจัดทำสมุดบัญชีรายวันและงบดุล 
  • การบริหารภาษี (Tax Management) 
  • การตรวจสอบบัญชี (Auditing) 

5.งานด้านทรัพยากรบุคคล  

งานด้านทรัพยากรบุคคล องค์กรสามารถมอบหมายให้ Outsource ช่วยดูแลเพื่อลดภาระภายในได้ เช่น  

  • การจัดการสรรหาบุคลากร (Recruitment Process Outsourcing - RPO) 
  • การบริหารค่าจ้างและสวัสดิการ (Payroll Services) 
  • การพัฒนาโปรแกรมฝึกอบรมและพนักงาน 

6.งานด้านกฎหมาย  

งานด้านกฎหมายเป็นหนึ่งในประเภทงานที่นิยมใช้บริการ Outsourcing  เพราะจะช่วยองค์กรลดต้นทุนในการจ้างที่ปรึกษากฎหมายประจำ และเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านได้อย่างรวดเร็ว เช่น 

  • การตรวจสอบและร่างเอกสารทางสัญญากฎหมาย 
  • การให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย  
  • การวิเคราะห์ข้อพิพาทและดำเนินคดี  
  • การจัดการเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา  

7.งานด้านทำความสะอาดและบริการ  

งานด้านทำความสะอาดและบริการ เป็นประเภทงานที่นิยมจ้าง Outsourcing เพราะต้องการความสม่ำเสมอและมาตรฐานในบริการ เช่น  

  • บริการทำความสะอาดทั่วไป สำหรับอาคารสำนักงาน  
  • การดูแลพื้นที่เฉพาะทาง เช่น ห้องปฏิบัติการ โรงพยาบาล หรือพื้นที่ที่ต้องการมาตรฐานความสะอาดสูง 
  • บริการดูแลอาคารและภูมิทัศน์ เช่น การดูแลสวน 

นอกจากนี้สำหรับปี 2025 การจ้าง Outsourcing ได้ขยายไปสู่ตำแหน่งงานที่แปลกใหม่และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนี้  

1.นักพัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัล (NFT and Blockchain Developer)  

 ผู้เชี่ยวชาญในด้านการสร้างและพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ บล็อกเชน (Blockchain) และ โทเค็นดิจิทัลที่ไม่สามารถทดแทนกันได้ (Non-Fungible Tokens หรือ NFTs) 

  • การออกแบบและสร้าง NFT 
  • การพัฒนาและจัดการระบบ Blockchain 
  • การสร้างแอปพลิเคชันที่ใช้ Smart Contracts 

2.นักวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analyst/Scientist)   

ผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่รวบรวม วิเคราะห์ และตีความข้อมูล เพื่อช่วยให้ธุรกิจหรือองค์กรสามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ ข้อมูล (Data) เป็นหัวใจสำคัญของการตัดสินใจ 

  • การวิเคราะห์ Big Data เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ 
  • การสร้างรายงานและอินไซด์ที่ช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ 
  • การจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนในแพลตฟอร์มคลาวด์ 

3.ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน (Environmental and Sustainability Specialist) 

ผู้เชี่ยวชาญในการวางแผน วิเคราะห์ และดำเนินการเพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งในระดับองค์กร ชุมชน และระดับโลก โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม 

  • การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการลดคาร์บอนฟุตพรินต์ 
  • การจัดการขยะและวางแผนด้านความยั่งยืนในธุรกิจ 
  • การสร้างรายงาน ESG (Environmental, Social, and Governance) 

4.ที่ปรึกษาด้านประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience Consultant)  

คือผู้เชี่ยวชาญที่ช่วยองค์กรปรับปรุงและยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience หรือ CX) เพื่อเพิ่มความพึงพอใจ ความภักดี และการมีส่วนร่วมของลูกค้า 

  • การออกแบบ Journey Map ของลูกค้า 
  • การปรับปรุงประสบการณ์ดิจิทัลให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย 
  • การวิเคราะห์ Feedback ของลูกค้าเพื่อลด Pain Point 

ทำไม Outsourcing งานเหล่านี้ถึงเป็นตัวเลือกที่ดีในปี 2025 

 การเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในงานที่ซับซ้อน 

การ Outsource เปิดโอกาสให้องค์กรเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และประสบการณ์เฉพาะด้าน โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนในทรัพยากรหรือการฝึกอบรม เช่น การจ้างผู้เชี่ยวชาญด้าน IT เพื่อพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ หรือที่ปรึกษากฎหมายที่เข้าใจข้อกำหนดเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีความซับซ้อน การมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางช่วยเพิ่มคุณภาพของงานและลดข้อผิดพลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้รวดเร็ว 

การจ้าง Outsourcing ช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องเสียเวลาในการจัดหาพนักงานใหม่หรือปรับโครงสร้างภายในองค์กร นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมธุรกิจยุคดิจิทัลถึงเลือก Outsourcing มากขึ้นในปี 2025 เมื่อธุรกิจต้องการการเปลี่ยนแปลงหรือทำสิ่งใหม่ ๆ การใช้บริการ Outsourcing ทำให้องค์กรสามารถเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถเฉพาะด้านได้ทันที ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันและตอบสนองต่อโอกาสหรือความท้าทายใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ 

ลดต้นทุนในการทดลองงานใหม่หรือโครงการที่ยังไม่แน่นอน 

การจ้าง Outsourcing ช่วยลดต้นทุนในการทดลองงานใหม่หรือโครงการที่ยังไม่แน่นอน โดยไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการจ้างพนักงานประจำ เช่น เงินเดือน สวัสดิการ และค่าใช้จ่ายในการจัดการทรัพยากรบุคคล นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดเวลาในการสรรหาพนักงานใหม่ การฝึกอบรม และการบริหารจัดการพนักงานภายในองค์กร โดยเฉพาะในกรณีของโครงการที่มีความไม่แน่นอนหรือไม่มั่นคง ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจไม่ต้องลงทุนในทรัพยากรที่อาจไม่จำเป็นในระยะยาว การจ้างงาน Outsourcing ช่วยให้องค์กรสามารถมุ่งเน้นทรัพยากรและเวลาไปที่งานหลักที่สร้างมูลค่าได้มากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลกับการจัดการงานที่มีความเสี่ยงสูงหรือที่ยังไม่ชัดเจน 

อนาคตของ Outsourcing กับนวัตกรรมใหม่ ๆ 

แนวโน้มระยะยาวของ Outsourcing ในยุคดิจิทัล 

ความก้าวหน้าของ AI, Automation และ Big Data ยังส่งผลให้เกิดความต้องการในสายงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมากขึ้น เช่น การพัฒนาแอปพลิเคชัน การวิเคราะห์ข้อมูล และการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ เทคโนโลยีจึงไม่เพียงเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของ Outsourcing แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับองค์กรที่ต้องการความคล่องตัวและการปรับตัวในยุคดิจิทัล 

ธุรกิจควรปรับตัวอย่างไรเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจาก Outsourcing 

1.กำหนดความต้องการอย่างชัดเจน 

ก่อนการใช้บริการ Outsourcing ธุรกิจควรกำหนดความต้องการที่ชัดเจนของตนเอง เช่น งานหรือกระบวนการใดที่ต้องการให้บุคคลภายนอกทำและสิ่งที่คาดหวังจากการจ้าง Outsourcing เพื่อให้สามารถเลือกผู้ให้บริการที่เหมาะสมและตอบโจทย์ได้อย่างถูกต้อง 

2.เลือกผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญ 

การเลือกผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญในสายงานเพื่อทำงานให้ออกมามีคุณภาพสูงและเสร็จตามกำหนดเวลา ควรตรวจสอบประสบการณ์และผลงานที่ผ่านมาเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ให้บริการสามารถตอบสนองความต้องการของธุรกิจได้ 

3.สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและชัดเจน 

การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและการสื่อสารที่ชัดเจนกับผู้ให้บริการ Outsourcing เป็นสิ่งสำคัญ ควรมีการตกลงกันอย่างชัดเจนในเรื่องของการทำงาน ระยะเวลา ราคา และมาตรฐานเราที่ต้องการ 

4.ตรวจสอบและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง 

แม้ว่าองค์กรจะจ้าง Outsource เพื่อทำงานบางอย่าง แต่ยังคงต้องมีการติดตามและตรวจสอบผลการทำงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่างานที่ได้รับตรงตามที่คาดหวังและไม่เกิดปัญหาหลังจากส่งมอบงาน 

5.ใช้เทคโนโลยีเพื่อการทำงานร่วมกัน 

การใช้เทคโนโลยีในการเชื่อมต่อและทำงานร่วมกันกับผู้ให้บริการ Outsourcing ช่วยให้กระบวนการทำงานราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ซอฟต์แวร์การจัดการโปรเจกต์หรือแพลตฟอร์ม MANAWORK เพื่อให้ทุกคนสามารถอัปเดตงานของตนเองอย่างชัดเจน และไม่พลาดขั้นตอนสำคัญในการทำงาน 

สรุป 

Outsourcing คือการจ้างงานหรือบริการจากบริษัทภายนอกเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะทางขององค์กร เช่น งานด้านไอที การตลาด บัญชี การจัดอีเวนต์ โดยมีการทำสัญญาที่กำหนดระยะเวลา ราคา และคุณภาพของบริการอย่างชัดเจน การจ้าง Outsource ช่วยลดค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรในด้านความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและความยืดหยุ่น ธุรกิจเริ่มมองหางานใหม่ ๆ ที่เหมาะสมกับ Outsourcing เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและลดต้นทุน โดยเฉพาะงานที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทางหรือสามารถทำงานจากระยะไกลได้ ในยุคดิจิทัลและการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ

ต้องการสอบถามบริการ Outsourcing และ IT Solution คลิกเลย

เมื่อ Outsourcing กลายเป็นพาร์ทเนอร์สำคัญของการ Transformation

AI + Cloud คืออนาคตของ Digital Transformation ในปี 2025