คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไม่มีธุรกิจที่ไหนจะไม่มีการทำการตลาด ยิ่งมีคนทำมาก ก็ส่งผลให้มีการแข่งขันที่สูง และเกิดการแย่งชิงพื้นที่ในตลาดมากขึ้น แต่การที่จะก้าวนำเหนือทุกคู่แข่งได้นั้นต้องมีการมองหากลยุทธ์ใหม่ ๆ ในการทำ Digital Marketing ซึ่งการนำเทคโนโลยี และกลยุทธ์ทางดิจิทัลเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก เราจึงมานำเสนอ 5 เครื่องมือ Digital Transformation ที่จะเปลี่ยนวงการ Digital Marketing  จะมีอะไรบ้างไปดูกัน

1.Artificial Intelligence

เพราะการวิเคราะห์ข้อมูล และการประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว สามารถทำให้เราก้าวนำคู่แข่งไปได้อีกหนึ่งก้าว ด้วยเทคโนโลยี Artificial Intelligence หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า AI โดยจะใช้กระบวนการของ Machine Learning ในการเรียนรู้ข้อมูลที่จำเป็นทางการตลาดที่มีมหาศาล (Big Data) ให้ได้การจัดกลุ่มชุดข้อมูลจากการวิเคราะห์เชิงลึก ว่าลูกค้ามีพฤติกรรมการบริโภคอย่างไร ปัจจัยอะไรที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ จนได้มาซึ่งผลสรุปของข้อมูลที่สามารถนำไปต่อยอดการวางแผนแคมเปญ และการประชาสัมพันธ์ทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.Personalization

เมื่อผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกแล้ว เราจะเข้าใจบริบทของสภาพแวดล้อมทางการตลาดของเรามากขึ้น และสามารถกำหนด “กลุ่มเป้าหมาย” ที่คาดว่าจะเป็นลูกค้าของเราที่สามารถเห็นเป็นรูปเป็นร่างได้อย่างชัดเจน โดยเราต้องเข้าใจทั้งพฤติกรรมการบริโภค และความชอบส่วนตัว ซึ่งจะมีผลต่อการออกแคมเปญทางการตลาดให้จับใจกลุ่มเป้าหมายได้ดีมากขึ้น และยังสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปพัฒนาสินค้า และบริการ ให้ตรงต่อความต้องการ และตอบโจทย์การอุปโภคบริโภคของลูกค้าได้เป็นอย่างดี และการนำ Marketing Technology (MarTech) มาใช้เพื่อจัดเก็บ Data และวัดผลแคมเปญได้ตรงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ซึ่งตัวอย่างการทำ Personalizaton ในงานการตลาด เช่น Youtube Netflix หรือ Spotify ที่สามารถแนะนำภาพยนตร์ หรือเพลงที่มักจะเป็นแนวที่เราชอบทั้งนั้น

3.Data Driven Marketing

Data-Driven Marketing คือ การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล นักการตลาดจะต้องหาข้อมูลจากหลายแหล่ง ทั้งจากลูกค้าเอง หรือจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ แล้วนำมาวิเคราะห์ เพื่อหา Insight ลูกค้า และนำไปปรับกลยุทธ์ หรือทำการตลาดให้ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยต้องเข้าใจผู้บริโภค และพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ดี เมื่อเข้าใจลูกค้ามากขึ้น ก็จะช่วยให้ตัดสินใจวางแผนกลยุทธ์ได้แม่นยำขึ้น ช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น และยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำการตลาดของเรา เช่น การเพิ่ม Conversion Rate, Engagement Rate, ROI, ROAS, การลด CPA เป็นต้น

4.Video Marketing

แน่นอนว่าสื่อวิดีโอนั้นอยู่กับเรามานานพอสมควร ตั้งแต่ภาพยนตร์ รายการทีวี หรือแม้แต่โฆษณา รวมถึงปัจจุบันนี้มีผู้บริการ Video Streaming ที่แพร่หลายหรือจะเป็นบน Social Media เองก็ตาม ทำให้การทำการตลาดโดยใช้สื่อวิดีโอเปิดกว้างมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม ที่เห็นกันชัด ๆ ก็อย่างเช่น การทำคลิปโฆษณา วิดีโอไวรัล หรือการทำคอนเทนต์โดย Bloger Influencer ที่ได้รับการจ้างงานจากสปอนเซอร์ และสื่อที่เป็นวิดีโอมักมีโอกาสเข้าถึงกลุ่มผู้ชมสูงกว่าสื่อแบบอื่น ๆ และวิดีโอสามารถนำเสนอรายละเอียดสินค้าได้ดีกว่าคอนเทนต์แบบอื่น ๆ โดยหลายธุรกิจตอนนี้มีการทำวิดีโอโฆษณาสั้น ๆ เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่การทำโฆษณาในโทรทัศน์เป็นเรื่องของแบรนด์ใหญ่ ๆ ที่มีงบประมาณมหาศาลในการผลิต และซื้อเวลาโฆษณาบนโทรทัศน์ แต่ตอนนี้โอกาสการเผยแพร่วิดีโอโฆษณาเป็นเรื่องที่ง่าย และมีโอกาสสร้างการรับรู้ของแบรนด์ให้กับลูกค้าได้มากขึ้นด้วย

5.Influencer Marketing

คือผู้มีอิทธิพลบน Social Media หรือเป็นคนที่มียอดผู้ติดตามจำนวนมาก โดยเป็นผู้ที่ทำคอนเทนต์เผยแพร่ตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น เว็บ Blog, Instagram, Facebook, YouTube แล้วมีคนสนใจติดตาม คือการตลาดออนไลน์ที่ใช้ผู้มีอิทธิพลทางโลกโซเชี่ยล ยิ่งมีผู้ติดตามมากก็ยิ่งมีอิทธิพลมาก ผู้ติดตามส่วนใหญ่มักเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ตั้งแต่เด็กไปจนถึงวัยทำงาน และมักคล้อยตามเนื้อหาหรือสิ่งที่ Influencer พูดโน้มน้าวใจได้ง่าย เพราะรู้สึกถึงความใกล้ชิดและจริงใจกว่าสื่อโฆษณาของแบรนด์ต่างๆ สามารถทำให้ธุรกิจหรือสินค้าของเราเป็นที่รู้จักในวงกว้าง

การเลือกใช้ Influencer ที่เหมาะสมจะทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ดูดีขึ้น หรืออาจเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ไปเลยก็ได้ เช่น เครื่องดื่มสมุนไพรเดิมมีลูกค้าเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ แต่ต้องการขายให้กลุ่มวัยรุ่นด้วย การเลือกใช้คนที่มีอิทธิพลในกลุ่มวัยรุ่นก็ส่งผลต่อความคิดที่มีต่อแบรนด์มากขึ้น และช่วยในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้

                ทุกคนสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ในเมื่อมีกลยุทธ์พวกนี้ให้เราได้ลองปรับใช้ทำการโฆษณาสินค้าของเราได้หลากหลายช่องทาง หลากหลายเทคนิค อย่าให้โควิด-19 ทำร้ายธุรกิจของคุณได้ ต้องรับมือกับมันให้ได้ ธุรกิจของคุณจะดำเนินต่อไปได้เมื่อคุณยอมรับการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ  รับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นให้ได้ หวังว่าทุกคนจะนำกลยุทธ์นี้ไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้อย่างลงตัว