รู้ทัน สาเหตุความล้มเหลวในการทำ Digital Transformation

รู้ทัน สาเหตุความล้มเหลวในการทำ Digital Transformation

การใช้เทคโนโลยีกลายเป็นเรื่องปกติของการขับเคลื่อนธุรกิจไปแล้ว ใครไม่ทำ Digital Transformation ก็คงจะเป็นธุรกิจที่รอเวลาถูก Disruption ไปแล้ว

แต่การทำ Digital Transformation ไม่ได้หมายความว่าทุกองค์กรที่ลงมือทำก็จะเห็นผลได้ทันที บางครั้งอาจพบปัญหาและความล้มเหลว ซึ่งในบางครั้งอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดจากสาเหตุอะไร และในวันนี้เราจะมาหาสาเหตุและคำแนะนำให้ธุรกิจของคุณรับมือได้ทัน

สาเหตุของการทำ Digital Transformation ไม่สำเร็จ

1. เป้าหมายไม่ชัดเจน

การเริ่มต้นทุกในทุก ๆ อย่างสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “เป้าหมาย” ไม่ว่าจะมีกี่ข้อนั้นสำคัญหมด ใคร ๆ ก็ตั้งเป้าหมายเองได้ทั้งนั้น แต่การที่จะทำให้สำเร็จได้เป้าหมายนั้นต้องชัดเจน เพื่อให้ทีมเข้าใจในทิศทางที่ตรงกัน

คำแนะนำเพิ่มเติม:

ระบุเป้าหมายอย่างชัดเจน - คำว่า "เป้าหมาย" อาจมีความหมายที่แตกต่างกันตามมุมมองของแต่ละคน การที่เป้าหมายชัดเจนจะช่วยให้ทุกคนในทีมเข้าใจและมุ่งมั่นสู่ผลลัพธ์ที่เหมือนกัน

ระบุรายละเอียดที่เป็นไปได้ - การระบุรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญ เช่น เป้าหมายที่ต้องการทำอะไร ทำไมจึงทำ ใครเป็นผู้รับผิดชอบ และอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยให้ทุกคนมีความเข้าใจที่ดีกว่าและลดความคาดหวังที่ไม่เหมาะสม

กำหนดกรอบเวลา - การมีกรอบเวลาที่แน่นอนช่วยให้ทุกคนมีความรับผิดชอบในการดำเนินการ และช่วยสร้างความคุ้นเคยกับระยะเวลาที่จำเป็นในการสำเร็จของเป้าหมาย

เลือกวัดและประเมิน - การวัดและประเมินความสำเร็จของเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ทราบว่าคุณกำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่ และสามารถปรับปรุงแผนการได้ตามความจำเป็น

ความรับผิดชอบและการกระทำ - ทุกคนในทีมควรรับผิดชอบในการทำให้เป้าหมายเป็นจริง และคำแนะนำต่าง ๆ ควรถูกปฏิบัติตามเพื่อให้เกิดการกระทำที่สอดคล้องกับเป้าหมาย

สร้างแผนงานที่ชัดเจน - การสร้างแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนสามารถช่วยให้ทุกคนเข้าใจว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรเพื่อทำให้เป้าหมายเป็นความจริง

การเตรียมเป้าหมายที่ชัดเจนและวางแผนการทำให้เป้าหมายนั้นเป็นความจริงจะช่วยให้กระบวนการทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรากฐานที่ดีในการประสบความสำเร็จในด้านต่าง ๆ ของชีวิตและการงานของคุณ

[Case Study] เปิดตัวอย่าง OKR เพื่อการตั้งเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ คลิก

2. เกิดการต่อต้าน ไม่ยอมรับ

บางครั้งพบว่าบุคลากรหรือส่วนหนึ่งในองค์กรอาจมีการต่อต้านการเปลี่ยนแปลง อาจเป็นเพราะความกลัว กลัวการเปลี่ยนแปลง ความไม่พร้อม หรือความไม่เชื่อมั่นในผลที่จะได้รับ

คำแนะนำเพิ่มเติม:

ขจัดความกลัว สร้างความพร้อม - บางครั้งพนักงานหรือสมาชิกในองค์กรอาจกลัวสิ่งใหม่ ๆ และมีความไม่พร้อมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากอาจเกิดความไม่มั่นใจในความสามารถของตนเองในการปรับตัว หรือกลัวจะไม่เป็นไปตามความคาดหวัง ในกรณีนี้ การให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง และการฝึกอบรมหรือการสนับสนุนในการพัฒนาทักษะใหม่สามารถช่วยลดความกลัวและเพิ่มความพร้อมในการเปลี่ยนแปลงได้

สร้างคุณค่าในการเปลี่ยนแปลง - บางครั้งความต่อต้านอาจเกิดจากความไม่เห็นคุณค่าในการเปลี่ยนแปลง เช่น การไม่เข้าใจว่าทำไมการเปลี่ยนแปลงถึงจำเป็น ฉะนั้นการสื่อสารเกี่ยวกับความเห็นคุณค่าที่องค์กรจะได้รับจากการเปลี่ยนแปลง และการเสริมสร้างความเข้าใจในความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสามารถช่วยเปลี่ยนแปลงวิจารณญาณได้

การสื่อสารที่เพียงพอ - การสื่อสารที่เพียงพอเกี่ยวกับเหตุผลและวัตถุประสงค์ของการเปลี่ยนแปลงจะทำให้ทุกคนเข้าใจ และยินดีที่จะเปลี่ยนแปลง การเพิ่มการสื่อสารและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสามารถช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความเข้าใจในการปรับตัวได้เป็นอย่างดี

การบริหารจัดการที่เหมาะสม - การบริหารจัดการที่เหมาะสมจะสร้างความมั่นใจและความเชื่อมั่นในการเปลี่ยนแปลง การให้คำแนะนำและการสนับสนุนจากผู้บริหารสามารถช่วยลดปัญหานี้ได้

การจัดการกับการต่อต้านและความไม่ยอมรับในการเปลี่ยนแปลงต้องใช้ความเข้าใจและการสื่อสารที่ดี เพื่อให้ทุกคนพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงและก้าวไปพร้อมกับองค์กรให้อยู่รอดในโลกดิจิทัลนี้ให้ได้

3. ถูกความเคยชินครอบงำ

เมื่อคุณคิดว่าการดำเนินการแบบเดิมที่เป็นอยู่นี้ก็ดีอยู่แล้ว ถ้าต้องมาเปลี่ยนแปลงวิธีการหรือกระบวนการใหม่ ๆ อาจเกิดความคลาดเคลื่อนและความไม่คุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลง

คำแนะนำเพิ่มเติม:

เข้าใจที่มาของความเคยชิน - การทำความเข้าใจว่าแรงจูงใจที่มาจากความเคยชินเกิดจากประสบการณ์เดิมและความคุ้นเคย จะช่วยให้คุณเห็นภาพเต็มรูปแบบของสาเหตุที่อาจทำให้คนมีความกลัวหรือไม่พร้อมในการเปลี่ยนแปลง

สร้างความตระหนักในความจำเป็นของการเปลี่ยนแปลง - การแสดงเหตุผลและข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่มาและเหตุผลในการเปลี่ยนแปลงสามารถช่วยเรียกร้องความตระหนักและการเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงจำเป็นต่อความเจริญรุ่งเรืองขององค์กร

ใช้การฝึกอบรมและการพัฒนาทักษะ - การฝึกอบรมและการพัฒนาทักษะใหม่สามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจและความรู้สึกคุ้นเคยในการทำงานใหม่ ๆ นอกจากนี้ยังช่วยเตรียมความพร้อมให้กับบุคลากรในการเรียนรู้และปรับตัว

สร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลง - การสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเป็นส่วนตัวและการสนับสนุนจากบุคลากรและผู้บริหารสามารถช่วยลดความกลัวและเพิ่มความรู้สึกว่ามีการสนับสนุนในกระบวนการเปลี่ยนแปลง

พิจารณาข้อได้เปรียบของการเปลี่ยนแปลง - การนำเสนอตัวอย่างขององค์กรที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลง หรือการนำเสนอข้อมูลเชิงกลยุทธ์เพื่อเปรียบเทียบข้อได้เปรียบของกระบวนการเดิมและกระบวนการใหม่สามารถช่วยเปิดใจและสร้างความเข้าใจให้กับคน ๆ คน

เรียนรู้และปรับตัว - การที่จะรู้ว่าความคลาดเคลื่อนและความไม่คุ้นเคยเป็นเรื่องธรรมดาของกระบวนการเปลี่ยนแปลง และการเรียนรู้จากข้อผิดพลาด จะช่วยให้มีการปรับปรุงและพัฒนาในครั้งถัดไป

การที่จะรับมือกับความเคยชินครอบงำในการเปลี่ยนแปลงต้องใช้ความอ่อนน้อมเพื่อสร้างความเข้าใจในเส้นทางที่ผ่านมาของคนและองค์กร การสร้างวัฒนธรรมของการเรียนรู้และการเปลี่ยนแปลงสามารถช่วยให้การยอมรับและการปรับตัวเป็นส่วนของทั้งหมด

4. ขาดทีมเวิร์คที่ดี

การทำ Digital Transformation ต้องการทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในด้านที่เกี่ยวข้อง เช่น การพัฒนาซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ การวิเคราะห์ข้อมูล เป็นต้น หากขาดทีมเหล่านี้องค์กรอาจไม่สามารถทำให้การเปลี่ยนแปลงเป็นจริงได้

คำแนะนำเพิ่มเติม:

สร้างความหลากหลายในทีม: สร้างทีมที่มีความหลากหลายทางทักษะและประสบการณ์ เพื่อให้สามารถครอบคลุมและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องได้ทุกด้าน

สร้างทีมที่มีความเข้าใจและความร่วมมือ: สร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างสมาชิกในทีม ให้พวกเขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ.

สร้างทีมที่มีการนำทางและการควบคุมที่ชัดเจน: มีผู้นำที่สามารถนำทีมไปสู่เป้าหมาย และสร้างกรอบเวลา แผนการและรายละเอียดอื่น ๆ ที่ชัดเจน เพื่อช่วยในกระบวนการเปลี่ยนแปลง

สนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะ: ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะให้กับสมาชิกในทีม และเตรียมแผนการฝึกอบรมที่เหมาะสมเพื่อให้พวกเขาพร้อมที่จะรับมือกับเทคโนโลยีและกระบวนการใหม่.

สร้างทีมที่มีความคล่องตัว: สร้างทีมที่สามารถปรับตัวและปรับปรุงตนเองเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง และสามารถทำงานร่วมกับสมาชิกที่มีความรู้สึกไม่สบายกับการเปลี่ยนแปลง

สร้างสภาพแวดล้อมสนับสนุน: สร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการทำงานและการนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ โดยเปิดโอกาสให้สมาชิกในทีมแสดงความคิดเห็นและแนวคิดใหม่

ทีมเวิร์คเป็นองค์กรประกอบที่จะช่วยสร้างความเข้าใจและสร้างความร่วมมือให้เกิดขึ้นในการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในองค์กร และรับมือกับสิ่งใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว

5. บุคลากรขาดทักษะใหม่ ๆ

การเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิทัลอาจต้องการทักษะใหม่ที่บุคลากรเดิมยังไม่มี ถ้าไม่มีการฝึกอบรมหรือการส่งเสริมการเรียนรู้ที่เพียงพอ องค์กรอาจพบว่าบุคลากรไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้

คำแนะนำเพิ่มเติม:

การฝึกอบรมและการเรียนรู้ - ให้โอกาสให้บุคลากรเข้าร่วมการฝึกอบรมและโครงการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ในแวดวงที่เกี่ยวข้อง

สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต - สร้างวัฒนธรรมที่สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต และเสริมสร้างการเรียนรู้ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การทำงานกลุ่ม การแบ่งปันความรู้ และการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์

มอบหมายงานที่ตรงกับทักษะ - หากเป็นไปได้ พยายามจัดการงานให้เข้ากับทักษะที่คนมีอยู่ เพื่อให้พวกเขาสามารถนำความรู้และทักษะเก่า ๆ มาใช้ในบทบาทใหม่

สร้างทีมที่มีความหลากหลาย - สร้างทีมที่มีสมาชิกที่มีทักษะและความรู้ที่หลากหลาย เพื่อช่วยเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนความรู้และเทคนิคที่ต่างกัน.

สนับสนุนและการแสดงความยินดี - สนับสนุนและชักชวนบุคลากรให้มีความกล้าและความมุ่งมั่นในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ ๆ และประกาศยกย่องความสำเร็จในการพัฒนาทักษะเหล่านั้น.

ใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือในการเรียนรู้ - ใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือการเรียนรู้ที่เหมาะสม เช่น แพลตฟอร์มทำงาน คอร์สออนไลน์ หรือแอปพลิเคชันเพื่อสนับสนุนการพัฒนาทักษะ

การให้ความสำคัญและการสนับสนุนในการพัฒนาทักษะใหม่ของบุคลากรเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้เปลี่ยนแปลงดิจิทัลเป็นความสำเร็จ ในระยะยาวจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้เติบโตอย่างยั่งยืน

6. มองการเปลี่ยนแปลงเป็นการเพิ่มต้นทุน

หากมีการมองว่าการทำ Digital Transformation จะเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายเป็นหลัก แทนที่จะมองว่าเป็นการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ องค์กรอาจละเลยการเปลี่ยนแปลงนี้

คำแนะนำเพิ่มเติม:

วิเคราะห์ความคืบหน้าและผลลัพธ์ - ทำการวิเคราะห์และติดตามผลลัพธ์ของการทำ Digital Transformation ให้เป็นปัจจัยที่ชัดเจนในการวัดความสำเร็จ โดยเน้นการลดต้นทุนในกระบวนการ เพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มรายได้

เปรียบเทียบต้นทุนและประสิทธิภาพ - สร้างการเปรียบเทียบระหว่างต้นทุนและประสิทธิภาพก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลง โดยพิจารณาตัวชี้วัดต่าง ๆ เช่น ระยะเวลาในการปฏิบัติงาน ความถี่ในการเกิดข้อผิดพลาด หรือประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้า เพื่อช่วยในการพิสูจน์ว่าการเปลี่ยนแปลงมีผลต่อความสำเร็จและประสิทธิภาพขององค์กร

เน้นค่าของการเปลี่ยนแปลง - คุณค่าสำคัญที่ผู้บริหารและบุคลากรจะได้รับจากการทำ Digital Transformation เช่น การเพิ่มความพร้อมในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า เพิ่มความสามารถในการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ เป็นต้น

การเรียกใช้กรณีศึกษา - นำเสนอกรณีศึกษาเพิ่มเติมเพื่อแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่บวกต่อความประสงค์ขององค์กรในการทำ Digital Transformation โดยเน้นไปที่ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ

การสร้างสำรองแผนเพิ่มเติม - สร้างแผนสำรองที่เน้นการลดความเสี่ยงที่เป็นไปได้จากการดำเนินงานดิจิทัล และการเน้นการปรับตัว

หากยังคิดว่าการลงทุนคือการเพิ่มต้นทุนก็หยุดคิดที่จะก้าวไปข้างหน้าได้เลย คนทำธุรกิจจริง ๆ จะรู้ว่าการลงทุนนั่นแหละคือการสร้างโอกาสที่จะเติบโตในยุคดิจิทัล

7. ทำตอนนี้ก็ต้องสำเร็จตอนนี้

การทำ Digital Transformation คือกระบวนการที่ใช้เวลาและความพยายามมาก การคาดหวังว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นแบบรวดเร็วอาจทำให้องค์กรพร้อมที่จะยอมรับความเปลี่ยนแปลงไม่เพียงพอ และอาจทำให้การเปลี่ยนแปลงไม่สำเร็จ

คำแนะนำเพิ่มเติม:

การสร้างวัฒนธรรมเรียนรู้ - สร้างวัฒนธรรมที่สนับสนุนการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะของบุคลากร สร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการทดลองและการนำเสนอความคิดใหม่ ๆ

การเรียนรู้จากข้อผิดพลาด - ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้จากข้อผิดพลาดและการปรับปรุงกระบวนการตามความต้องการ หากมีปัญหาหรือข้อบกพร่อง ให้วิเคราะห์และพัฒนาแนวทางการปฏิบัติใหม่

การสนับสนุนจากผู้บริหาร - ให้ผู้บริหารเป็นแบบอย่างในกระบวนการเปลี่ยนแปลง ให้การสนับสนุนทั้งในเรื่องของทรัพยากรทางการเงินและความรู้ ให้พนักงานเป็นพลังขับเคลื่อนองค์กรที่แกร่งขึ้น

ไม่มีสิ่งใดสำเร็จได้ในชั่วข้ามคืน ต้องใช้เวลาเพื่อเดินผ่านเส้นทางที่อาจไม่ได้โรยด้วยดอกไม้ อุปสรรค์คือสิ่งธรรมดาที่ทุกคนต้องเจอ เมื่อผ่านมันไปได้ก็จะไปถึงเส้นชัยแห่งความสำเร็จในที่สุด

8. ขาดความต่อเนื่อง

การเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีความต่อเนื่องและการดำเนินการที่หยุดชะงักอาจทำให้กระบวนการ Digital Transformation ถูกยกเลิกหรือไม่สามารถดำเนินการไปจนจบได้

คำแนะนำเพิ่มเติม:

การสร้างแผนงานทั้งระยะสั้นและระยะยาว - กำหนดแผนที่มีขั้นตอนและกำหนดเป้าหมายที่สามารถยืดหยุ่นและปรับปรุงตามความเปลี่ยนแปลงได้ โดยพิจารณาทั้งแผนที่ระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงไม่หยุดชะงัก

มีระบบการสื่อสาร - สร้างระบบการสื่อสารที่ชัดเจนและเปิดโอกาสให้ทุกคนทราบถึงความคืบหน้า

รับรู้และปรับตัว - รับรู้ถึงความต้องการการปรับตัวและการเปลี่ยนแปลงจากตลอดกระบวนการ ทำการปรับปรุงแผนและกำหนดแนวทางใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง

การสร้างวัฒนธรรมความต่อเนื่อง - สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมความต่อเนื่อง โดยเน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์ การพัฒนาทักษะใหม่ และการปรับปรุงกระบวนการอย่างต่อเนื่อง

บริหารจัดการโครงการ - ใช้การบริหารจัดการโครงการอย่างมืออาชีพ เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการดำเนินงาน เช่น การติดตามความคืบหน้า การระบุและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และการจัดทำรายงาน

เมื่อเริ่มจริงจังกับสิ่งที่ทำเหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้ความสำเร็จเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น และลงมือทำอย่างต่อเนื่องอย่างไม่ยุด จะเห็นได้ว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะน่าทึ่งกว่าที่คุณคิด

เครื่องมือดิจิทัลสำหรับธุรกิจที่น่าใช้ มีอะไรบ้าง

การทำงานในยุคนี้มีเครื่องมือมากมายสำหรับธุรกิจที่ช่วยให้การทำงานเร็วขึ้น ใกล้กันมากขึ้นแม้รูปแบบการทำงานที่ต่างกัน ให้ทุกคนในทีมเข้าถึงกันได้ทุกมุมโลกและทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Project Management

Trello

Trello - เป็นเครื่องมือจัดการโครงการแบบบอร์ด (board) ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างและจัดเรียงงานต่าง ๆ ในรูปแบบของการ์ด (card) บนบอร์ดต่าง ๆ เพื่อติดตามความคืบหน้าของงานและการจัดการทีมงานได้อย่างง่ายดายและกระชับ

https://manawork.com/

MANAWORK - เป็นเครื่องมือบริหารงานจัดการทีม ถูกพัฒนาขึ้นโดยคนไทย มีฟีเจอร์ที่ช่วยในการวางแผนโครงการ จัดการทรัพยากร ติดตามความคืบหน้า และรายงานผลการดำเนินงาน ตอบโจทย์วิธีการทำงานของคนไทย

https://www.atlassian.com/software/jira

Jira - เป็นเครื่องมือจัดการโครงการและการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ช่วยในการจัดการงานและการติดตามความคืบหน้า รวมถึงการจัดการและรายงานปัญหา (issue) และข้อบกพร่อง (bug) ในระหว่างการพัฒนา

เครื่องมือเหล่านี้ช่วยในการอำนวยความสะดวกในการจัดการโครงการและงานต่าง ๆ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานทีมและการติดตามผลการดำเนินงานของโครงการอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

Video Conferencing

https://apps.google.com/intl/en/meet/

Google Meet - เครื่องมือประชุมออนไลน์ของ Google ช่วยในการจัดการประชุมวิดีโอและการสนทนาธุรกิจ รวมถึงการแบ่งปันหน้าจอและไฟล์

https://zoom.us/

Zoom - เป็นเครื่องมือประชุมทางวิดีโอที่ได้รับความนิยมมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีความสามารถในการประชุมทางวิดีโอในกลุ่มขนาดใหญ่ มีฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่นการแบ่งหน้าจอ การใช้แบ็กกราวด์เสมือนจริง และอื่น ๆ

https://www.microsoft.com/th-th/microsoft-teams/log-in

Microsoft Teams - เครื่องมือการประชุมทางวิดีโอที่เน้นความร่วมมือและการทำงานร่วมกัน มีฟีเจอร์เสริมอีกมากมายเช่นการแชท การแชร์ไฟล์ การทำงานในกลุ่ม และอื่น ๆ

เครื่องมือประชุมออนไลน์เหล่านี้ช่วยให้คุณสามารถสื่อสารและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ว่าคุณจะไม่ได้อยู่ในสถานที่เดียวกัน ด้วยฟีเจอร์การประชุมวิดีโอ การแบ่งปันข้อมูล และการทำงานร่วมกันในเวิร์กโฟลว์ออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบาย

Customer database expansion planning

https://www.salesforce.com/ap/

Salesforce - เป็นแพลตฟอร์ม CRM (Customer Relationship Management) ที่ใช้ในการจัดการข้อมูลลูกค้าและการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า มีความสามารถในการติดตามและบันทึกข้อมูลการติดต่อ ประวัติการซื้อ และกิจกรรมต่าง ๆ ของลูกค้า เพื่อให้ทีมขายและการตลาดสามารถทำงานร่วมกันในการปรับปรุงบริการและติดตามการขาย

https://www.hubspot.com/products/crm

HubSpot CRM - เป็นระบบ CRM ที่ถูกพัฒนาโดย HubSpot มีความเน้นในการทำให้กระบวนการการขายและการตลาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีฟีเจอร์ที่ช่วยในการติดตามลูกค้า การสร้างแคมเปญการตลาด และวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงการทำงาน

การใช้ Salesforce หรือ HubSpot CRM ในการวางแผนการขยายฐานลูกค้าสามารถช่วยให้คุณสามารถจัดการและปรับปรุงความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ให้บริการที่ดีขึ้น วางแผนและทำการตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ และวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจที่เหมาะสมกับฐานลูกค้าปัจจุบันและภาพรวมของตลาด

Data analysis

https://analytics.google.com/analytics/web/provision/#/provision

Google Analytics - เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติเว็บไซต์ที่พัฒนาโดย Google ที่ช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ และการประสิทธิภาพของเว็บไซต์ มันช่วยให้คุณดูข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้ใช้งาน เช่น จำนวนผู้เยี่ยมชม การดูหน้าเว็บ การแสดงโฆษณา และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจของคุณ

https://www.tableau.com/th-th

Tableau - เป็นเครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างกราฟ ด้วย Tableau คุณสามารถสร้างและแสดงผลข้อมูลที่ตรงตามความต้องการ ผ่านกราฟและแผนภูมิที่สวยงามและเป็นประโยชน์ ช่วยให้คุณเห็นแนวโน้ม และค้นพบข้อสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลต่าง ๆ อีกทั้งยังสามารถนำข้อมูลมาตรวจสอบและทำนายผลอย่างละเอียดได้

https://powerbi.microsoft.com/en-us/

Power BI - เป็นเครื่องมือวิเคราะห์และสร้างรายงานที่พัฒนาโดย Microsoft ช่วยในการรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อสร้างแผนภูมิและกราฟที่มีความเข้าใจง่าย และสร้างรายงานที่มีความสมบูรณ์ เครื่องมือนี้เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับการสร้างและแสดงผลข้อมูลในองค์กรใหญ่

เครื่องมือเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้องค์กรทำงานง่ายขึ้น สะดวกยิ่งขึ้น ทั้งนี้องค์กรสามารถเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมตามกระบวนการทำงานขององค์กรได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของทีมงานได้อย่างเต็มที่และตรงความต้องการมากที่สุด

สรุป

การดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบันเต็มไปด้วยการแข่งขันทางเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำมากขึ้น การทำ Digital Transformation เป็นวิธีที่สำคัญในการนำธุรกิจเข้าสู่โลกธุรกิจยุคใหม่ ซึ่งยังคงเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการตอบสนองความต้องการและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาด ในบทความนี้คุณจะเห็นได้ว่าสาเหตุใดคือสิ่งที่ต้องนำไปปรับปรุง และนำแนะนำจะสามารถช่วยให้องค์กรของคุณเดินหน้าในทิศทางที่ถูกต้อง

เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารทีมด้วย Workflow ให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด