การเริ่มต้นจาก "มนุษย์เงินเดือน" สู่การเป็น "ผู้ประกอบการ" เป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นเต้นและท้าทายแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับบางคน การเป็นผู้ประกอบการไม่ใช่เพียงแค่การเริ่มธุรกิจขึ้นมา แต่เป็นกระบวนการที่ต้องมีการวางแผนและการเตรียมความพร้อมอย่างดี เนื่องจากการดำเนินธุรกิจนั้นมีความเสี่ยงและความท้าทายที่ต้องเผชิญหน้า การเตรียมตัวให้พร้อมด้านความรู้และทักษะในการจัดการธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญ
หลายคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนมีความคิดหรือความฝันในใจว่าอยากมีธุรกิจของตัวเองเพื่อเป็นเจ้าของการตัดสินใจและควบคุมในสิ่งที่ทำได้ บางคนอาจเพียงแค่คิดถึงไอเดียเล็ก ๆ ในการสร้างธุรกิจของตนเอง ในขณะที่บางคนก็มีความคิดที่จะสร้างธุรกิจที่ใหญ่และทันสมัยไปเลย สิ่งที่สำคัญคือความสามารถในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและทักษะที่มีอยู่ เช่น ทรัพย์สินทางการเงินและความรู้ความสามารถ ซึ่งจะมีผลต่อวิธีที่จะก้าวข้ามเข้าสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจของตนเอง
ไม่ว่าคุณจะอยากสร้างธุรกิจในขนาดเล็กหรือใหญ่ และไม่ว่าคุณจะมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจมากน้อยเพียงใด มีความจำเป็นที่คุณจะต้องเตรียมพร้อมด้วยความพยายามและการศึกษา เพื่อที่จะมีฐานการเข้าถึงสู่ธุรกิจของคุณเอง
การเริ่มต้นทำธุรกิจโดยเฉพาะสำหรับคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน จำเป็นต้องสำรวจและเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่คุณจะทำ พร้อมทั้งเตรียมแผนการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ เพื่อให้คุณสามารถนำธุรกิจของคุณสู่ความสำเร็จได้อย่างมั่นใจและสร้างผลประโยชน์ให้กับตัวคุณเองและสังคมด้วย ลองมาดูข้อดีของการเป็นพนักงานและผู้ประกอบการกัน เพื่อเปรียบเทียบดูว่าคุณชอบแบบไหนมากกว่ากัน
ความมั่นคงในรายได้: การเป็นพนักงานในองค์กรหรือบริษัทชั้นนำอาจมีการจ่ายเงินเดือนและสวัสดิการที่มั่นคง เช่น ประกันสุขภาพ ประกันชีวิต ค่าเดินทาง โบนัส เป็นต้น นี่สามารถช่วยให้คุณมีความมั่นคงในเรื่องการเงินและการวางแผนอันยาวไกลได้
ความมั่นคงในงาน: การมีงานที่มั่นคงให้คุณความมั่นใจในเรื่องการมีงานทำและรายได้เข้ามาตลอดเวลา นี่อาจช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับเรื่องงานและเงินเข้าได้
โอกาสสร้างความสัมพันธ์: การทำงานในที่ทำงานเป็นโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์กับคนในองค์กร นี่อาจเป็นโอกาสที่ดีในการพบปะและสร้างเครือข่ายทางอาชีพ
ความเป็นส่วนหนึ่งของทีม: การทำงานในทีมอาจช่วยสร้างความรู้สึกของความเชื่อมั่นและความเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนที่มีวัตถุประสงค์และมุมมองที่คล้ายคลึงกัน
ความสำเร็จและความพึงพอใจในการเป็นพนักงานจะขึ้นอยู่กับการเลือกงานที่เหมาะสมกับความสนใจและความพร้อมของแต่ละบุคคล และสิ่งที่คุณคำนึงถึงในการเลือกที่จะทำงานในองค์กรหรือบริษัทที่เหมาะสมกับคุณเอง
ความอิสระในการดำเนินธุรกิจ: ผู้ประกอบการมีความอิสระในการตัดสินใจเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของตนเอง ไม่ต้องขึ้นอยู่กับบุคคลอื่นในการตัดสินใจและการดำเนินงานทางธุรกิจ นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดทิศทางและกลยุทธ์ของธุรกิจได้ตามที่เห็นสมควรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
โอกาสในการสร้างรายได้ไม่จำกัด: การเป็นผู้ประกอบการมีโอกาสในการสร้างรายได้ที่ไม่จำกัด หากธุรกิจมีความสำเร็จและเติบโตอย่างเร็ว ผู้ประกอบการสามารถสร้างรายได้ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นไปตามความต้องการของตน
เรียนรู้และเติบโต: การดำเนินธุรกิจอาจเจอกับอุปสรรคและความท้าทายต่าง ๆ ผู้ประกอบการจะได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองในกระบวนการแก้ไขปัญหาและปรับตัวเพื่อเติบโตและพัฒนาธุรกิจของตนเอง
สร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อสังคม: ผู้ประกอบการมีโอกาสสร้างสิ่งที่ดีต่อสังคม ไม่เพียงแต่ในเชิงเศรษฐกิจ แต่ยังสามารถสร้างงาน ส่งเสริมรายได้ให้เกิดขึ้นในชุมชน และมีส่วนช่วยเสริมในการแก้ไขปัญหาสังคมได้
สร้างเครือข่ายและความร่วมมือ: การเป็นผู้ประกอบการช่วยสร้างโอกาสในการเชื่อมโยงและสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ การเชื่อมโยงกับผู้ร่วมธุรกิจ ลูกค้า และผู้คนในวงการสามารถช่วยในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์
การเป็นผู้ประกอบการไม่เพียงแค่เป็นแหล่งรายได้เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นทางเลือกที่สร้างความอิสระและสร้างโอกาสในการพัฒนาทักษะ การสร้างนวัตกรรม และสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับตนเองและสังคมที่เราอาศัยอยู่ในนี้
ลองมาดูทักษะที่ผู้ประกอบการต้องมีกันบ้าง
1. การวางแผนธุรกิจ
การวางแผนเป็นหัวใจของธุรกิจ ช่วยให้คุณกำหนดเป้าหมาย และกำหนดวิธีการที่ถูกต้องในการปฏิบัติทุกวัน รวมถึงการประเมินความเป็นไปได้และการจัดการกับความเสี่ยง
วิเคราะห์สภาพแวดล้อมธุรกิจ: ทำการศึกษาและวิเคราะห์ตลาด เข้าใจคู่แข่ง และปัจจัยภายนอกที่อาจส่งผลต่อธุรกิจ เพื่อให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ
กำหนดเป้าหมายและยุทธศาสตร์: กำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้กับธุรกิจในระยะยาวและระยะสั้น ๆ พร้อมกับการพัฒนายุทธศาสตร์เพื่อให้ความชัดเจนในการดำเนินงาน
วางแผนผลิตภัณฑ์หรือบริการ: พัฒนาและวางแผนสินค้าหรือบริการของคุณให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงการวางแผนกระบวนการผลิตหรือการให้บริการ
สร้างแผนการจัดการวิกฤต: การวางแผนเพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินหรือวิกฤตที่อาจเกิดขึ้น เพื่อรักษาความเสถียรของธุรกิจ
ความสามารถในการวางแผนธุรกิจช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจอย่างมีมูลค่าและสร้างแผนการที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และภารกิจของธุรกิจของคุณได้อย่างเหมาะสม
2. การจัดการการเงินและบัญชี
ความสามารถในการวางแผนธุรกิจช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจอย่างมีมูลค่าและสร้างแผนการที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และภารกิจของธุรกิจของคุณได้อย่างเหมาะสม
วางแผนงบประมาณ: การกำหนดและวางแผนการใช้จ่ายทั้งรายรับและรายจ่ายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จัดการเงินทุน: การวางแผนการจัดหาทุนเพื่อเริ่มธุรกิจหรือขยายกิจการ รวมถึงการติดตามการลงทุนและการกู้ยืมเพื่อให้มีการจัดการทุนที่เหมาะสม
บัญชีและรายงานการเงิน: ความเข้าใจในหลักการบัญชีเพื่อบันทึกข้อมูลทางการเงินอย่างถูกต้อง รวมถึงการสร้างรายงานการเงินที่ช่วยในการตัดสินใจธุรกิจ
วิเคราะห์ทางการเงิน: การใช้ข้อมูลการเงินในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพทางการเงินของธุรกิจ รวมถึงการวิเคราะห์ระบบการเงินเพื่อค้นหาโอกาสและปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
วางแผนภาษี: การกำหนดวิธีการลดภาระภาษีอย่างถูกต้องและเปรียบเทียบกับกฎหมายภาษีที่เกี่ยวข้อง
จัดการหนี้สิน: การตรวจสอบและการจัดการหนี้สิน รวมถึงการจัดการตารางการชำระหนี้เพื่อให้ความคืบหน้าและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
ควบคุมการเงิน: การตรวจสอบและควบคุมการเงินเพื่อรักษาความสมดุลในการเงินและการป้องกันการทุจริต
วางแผนการเงินระยะยาว: การวางแผนการเงินในระยะยาวเพื่อให้มีความเสถียรและสามารถรับมือกับอุปสรรคทางการเงินได้
การมีความรู้และทักษะทางการเงินและบัญชีที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจอย่างมีความสำเร็จและประสบความเจริญเติบโตได้อย่างมั่นใจ
3. การตลาดและการขาย
การตลาดและการขายเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มยอดขายและสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจของคุณ
เข้าใจตลาดและกลุ่มเป้าหมาย: การรู้สึกเข้าใจความต้องการ ความถนัด และการพึ่งพาของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้สามารถปรับแผนการตลาดและการขายให้เหมาะสม
สร้างแบรนด์: การสร้างและพัฒนาแบรนด์ที่มีค่าและเป็นเอกลักษณ์ เพื่อสร้างความจำในใจของลูกค้า
ตลาดออนไลน์: ความเข้าใจในการใช้ช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ เครือข่ายสังคม และเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อเพิ่มการประชาสัมพันธ์และการขาย
สร้างความน่าเชื่อถือ: การสร้างความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ รวมถึงการให้บริการลูกค้าที่ดีเพื่อสร้างความพึงพอใจ
ศึกษาตลาดและแนวโน้ม: การเสมอศึกษาแนวโน้มของตลาด การวิเคราะห์และปรับแผนการตลาดตามเปลี่ยนแปลง
ทักษะการตลาดและการขายช่วยให้ผู้ประกอบการสร้างความสนใจและความต้องการในผลิตภัณฑ์หรือบริการของตน และช่วยส่งเสริมการขายและการเจริญเติบโตของธุรกิจในระยะยาว
4. การบริหารทรัพยากรบุคคล
การบริหารทรัพยากรบุคคลเป็นส่วนสำคัญในการสร้างทีมงานที่มีประสิทธิภาพและส่งมอบผลงานที่ดีให้กับธุรกิจ
สร้างทีมงาน: การเลือกบุคคลที่เหมาะสมสำหรับทีมงาน สร้างทีมที่มีความเข้าใจและบทบาทที่กำหนด
สร้างวัฒนธรรมองค์กร: การกำหนดและส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนการทำงานที่เต็มที่ สร้างสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนา
การพัฒนาบุคลากร: การสนับสนุนและส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาของบุคลากร เพื่อเพิ่มความรู้ความสามารถ และสมรรถนะในการทำงาน
เข้าใจในกฎหมายแรงงาน: การรู้เกี่ยวกับกฎหมายแรงงานและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการจัดการบุคคล
การมีทักษะการบริหารทรัพยากรบุคคลช่วยให้ผู้ประกอบการสร้างทีมงานที่มีประสิทธิภาพและส่งมอบผลงานที่ดี นอกจากนี้ยังช่วยในการสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาส่วนบุคคลในทีมงานด้วย
5. การแก้ไขปัญหาและการตัดสินใจ
การแก้ไขปัญหาและการตัดสินใจเป็นทักษะสำคัญที่ผู้ประกอบการควรครอบครองเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ต้องการการพิจารณาและการดำเนินการ
วิเคราะห์และเข้าใจปัญหา: การระบุปัญหาอย่างชัดเจนและการเข้าใจหลักการและสาเหตุของปัญหา เพื่อให้สามารถตัดสินใจในทิศทางที่ถูกต้อง
สะสมข้อมูล: การรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปัญหา รวมถึงข้อมูลประกอบการตัดสินใจและการวิเคราะห์ เพื่อนำไปพิจารณาวิเคราะห์ปัญหาในอนาคตได้
วิเคราะห์ความเสี่ยง: การระบุและประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากตัวเลือกที่เลือก และการพิจารณาวิธีการจัดการความเสี่ยง
สร้างแผนการดำเนินการ: การวางแผนเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหา รวมถึงการกำหนดลำดับและการวางแผนเพื่อการดำเนินการในระยะยาว
ใช้ความคิดสร้างสรรค์: การคิดออกแนวทางแก้ไขปัญหาที่ไม่เป็นไปตามแบบแผน เพื่อสร้างสรรค์คำตอบที่ไม่ซ้ำซ้อน
ทักษะการแก้ไขปัญหาและการตัดสินใจช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถจัดการกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนและที่ต้องการการตัดสินใจด้วยความมั่นใจและประสิทธิภาพ
6. การสร้างความสัมพันธ์และเครือข่าย
การสร้างความสัมพันธ์และเครือข่ายเป็นสิ่งสำคัญในการสนับสนุนการเจริญเติบโตของธุรกิจและการเข้าถึงโอกาสใหม่
การสื่อสารระหว่างบุคคล: ทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในการแสดงออก การฟัง และการเข้าใจความคิดเห็นและความต้องการของผู้อื่น
เชื่อมโยงกับผู้อื่น: การเสนอตัวและสร้างความรู้จักในวงกว้าง โดยการเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมหรือสายงานของคุณ เป็นการสร้างพันธมิตรที่ดี
ให้คำปรึกษาและสนับสนุน: การเป็นคนที่พร้อมให้คำปรึกษาและสนับสนุนกับผู้อื่น เพื่อสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์ที่ดี
ใช้โอกาสในเครือข่าย: การเลือกใช้โอกาสที่เกิดจากเครือข่ายที่สร้างขึ้น เช่น การร่วมงานหรือการร่วมลงทุน
สร้างความสนใจและพัฒนาความสัมพันธ์: การสร้างความสนใจและความสัมพันธ์ที่เกิดจากการรับฟัง การให้ข้อมูล และการพัฒนาความสัมพันธ์ในระยะยาว
ทักษะการสร้างความสัมพันธ์และเครือข่ายช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถกำหนดความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น และสร้างโอกาสธุรกิจและการพัฒนาตนเองในอนาคต
7. การนำเสนอและการสื่อสาร
ทักษะการนำเสนอและการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญในการแสดงความเข้าใจและการสื่อสารข้อมูลให้กับผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ
วางแผนการนำเสนอ: การวางแผนเนื้อหาและโครงสร้างของการนำเสนอ เพื่อให้มีความเป็นระเบียบและชัดเจน
เลือกข้อมูลที่สำคัญ: การนำเสนอข้อมูลที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของการนำเสนอ ช่วยเพิ่มความเข้าใจที่ชัดเจนและไม่หลุดประเด็น
ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย: การใช้ภาษาที่ไม่ซับซ้อนและเข้าใจง่ายเมื่อนำเสนอข้อมูล ทำให้ผู้ฟังเข้าถึงเนื้อหาง่าย
รักษาความสนใจ: การใช้เทคนิคที่ช่วยรักษาความสนใจของผู้ฟัง เช่น เรื่องราวน่าสนใจ ตัวอย่างจริง หรือคำถามที่เปิดกว้าง
ใช้เทคนิคการสื่อสาร: การใช้เทคนิคการสื่อสารเช่น การติดต่อสายตา แสดงอารมณ์ และภาษากาย
ฝึกฝนและปรับปรุง: การพัฒนาทักษะการนำเสนอและการสื่อสารตลอดเวลา โดยการรับฟังคำติชมและข้อเสนอแนะ ทำให้พบมุมมองใหม่ ๆ และสื่อสารได้ดียิ่งขึ้น
ทักษะการนำเสนอและการสื่อสารช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถแสดงแนวคิด สื่อสารข้อมูล และสร้างความเข้าใจในที่ทำงานและกับส่วนต่าง ๆ ของอุตสาหกรรมหรือสายงานที่เกี่ยวข้อง
8. ความคิดริเริ่มและนวัตกรรม
ทักษะความคิดริเริ่มและนวัตกรรมเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาแนวคิดใหม่ แก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน และสร้างความแตกต่างในธุรกิจ
คิดนวัตกรรม: การเริ่มต้นด้วยความคิดที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน และการแสวงหาวิธีในการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่
การตั้งคำถาม: การมองหาคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ และการใช้คำถามเหล่านั้นเป็นกำลังในการสร้างแนวคิด
การวิเคราะห์และการสำรวจ: การศึกษาและวิเคราะห์สภาพแวดล้อม เพื่อรับข้อมูลและความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการและโอกาส
เริ่มต้นทดลองและทดสอบ: การสร้างโมเดลแรก เป็นแบบจำลองหรือการทดสอบแนวคิด เพื่อพิสูจน์ความเป็นไปได้ของสิ่งที่คุณคิด
ค้นคว้าและการเรียนรู้: การติดตามและรวบรวมข้อมูล และการเรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ เพื่อสร้างความคิดที่ก้าวไปข้างหน้า
เผชิญกับความผิดหวัง: การไม่กลัวที่จะล้มเหลว และความพยายามออกไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะพบคำตอบหรือทางออก
เรียนรู้จากความสำเร็จและความล้มเหลว: การนำเรียนรู้และปรับปรุงจากทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว เพื่อพัฒนาแนวคิดและวิธีการ
ทักษะความคิดริเริ่มและนวัตกรรมช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาแนวคิดใหม่ สร้างความแตกต่าง และนำธุรกิจสู่ระดับสูงขึ้นในทางที่น่าทึ่ง
9. ความยืดหยุ่นและการปรับตัว
ทักษะความยืดหยุ่นและการปรับตัวเป็นสิ่งสำคัญในสภาวะที่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่แน่นอน
รับมือกับความเปลี่ยนแปลง: การยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและสามารถที่จะปรับตัวเข้ากับมันได้
วางแผนเพื่อการเปลี่ยนแปลง: การวางแผนเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นและพร้อมปรับตัวอยู่ตลอด
ยอมรับความผิดสำหรับข้อผิดพลาด: การเข้าใจว่าอาจมีข้อผิดพลาดและการล้มเหลว เป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้น และควรจะใช้เป็นโอกาสในการเรียนรู้
คิดแบบนอกกรอบ: การมองปัญหาและสถานการณ์จากมุมมองและแนวคิดที่ไม่เคยคิดมาก่อน เพื่อหาวิธีในการแก้ไข
แสวงหาโอกาสใหม่: การมองหาโอกาสในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง และการนำเสนอแนวคิดใหม่
พัฒนาทักษะและความรู้: การพัฒนาทักษะและความรู้ใหม่เพื่อปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงและตอบสนองต่อการพัฒนาในองค์กรหรือสายงาน
ทักษะความยืดหยุ่นและการปรับตัวช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมั่นใจและมีความสามารถในการหาทางออกในสถานการณ์ที่ซับซ้อนและไม่แน่นอน
การพัฒนาทักษะเหล่านี้คนเป็นผู้ประกอบการเองควรที่จะต้องรู้ไว้หากกำลังเริ่มทำธุรกิจ แต่เมื่อธุรกิจของคุณเดินหน้าและต้องการขยายก็สามารถเปิดรับพนักงานที่มีทักษะเหล่านี้เข้ามาช่วยเติมเต็มและแบ่งเบาภาระของคุณลงได้นั่นเอง
อ่านเพิ่มเติม เปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่าง SMEs และ Startup ที่นักธุรกิจหน้าใหม่ควรรู้ คลิก
ไม่ว่าใครก็สามารถเป็นผู้ประกอบการได้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือน นักเรียน หรือใครก็ตามที่มีความคิดสร้างสรรค์และพร้อมที่จะทำความเสี่ยงในการตั้งธุรกิจของตนเอง ความพยายามและความมุ่งมั่นในการประสบความสำเร็จมีบทบาทสำคัญในการสร้างธุรกิจและส่งผลให้ผู้ประกอบการทุกคนสามารถเตรียมตัวเป็นผู้ประกอบการได้ นอกจากนี้ การพัฒนาทักษะและความรู้ให้กับตนเองเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อที่จะมีความมั่นใจในการเริ่มต้นธุรกิจและการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ